ท่ามกลางตลาด TV จอใหญ่ในปัจจุบัน นอกจาก OLED TV แล้ว ก็มี SUPER UHD TV ที่ยังคงความน่าสนใจ โดยเฉพาะในก้าวสู่การเป็นเจ้าของโทรทัศน์เพื่อความบันเทิงเต็มอิ่มในบ้าน
หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญปี 2017 ของนวัตกรรมโทรทัศน์ยุคใหม่ ถูกนำเสนออยู่บนผืนจอขนาดใหญ่ของ LG SUPER UHD TV นั่นคือเทคโนโลยีที่เรียกว่า นาโนเซลล์ (Nano Cell)
Nano Cell เป็นการเคลือบฉาบหน้าจอ LED TV แบบ Super UHD ของ LG ซึ่งซับคลื่นแสงที่ไม่จำเป็นจากแต่ละพิกเซลแสงไม่ว่าจะ แดง เขียว หรือฟ้า จากแผง LED แบบ 4K ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีได้เห็นแสงสีที่สมจริง ตรงความต้องการของผู้สร้างสรรค์กว่าเดิม
วิธีการนี้เหมือนกับแนวทาง Quantum Dots แต่เล็กกว่ามาก ๆ ในระดับนาโน โดยอนุภาคแต่ละอนุภาคนั้นมีขนาดเพียง 1 นาโนเมตร ซึ่งนอกจากให้สีถูกต้องแล้ว ยังสามารถมองเห็นสีที่ถูกต้องนั้นได้จากมุมมองที่กว้างมากขึ้น ซึ่งทาง LG เองยืนยันในเอกสารรายละเอียดว่า กว้างยิ่งกว่าจอทีวีแบบ Quantum Dots ทำให้คนที่นั่งเฉียงไป 60 องศา ยังมองเห็นสีเดียวกับคนที่นั่งอยู่หน้าจอ
ด้วยเหตุนี้ Nano Cell จึงเป็นเทคโนโลยีที่ใช่สำหรับทีวีจอใหญ่และความคมชัดสูงระดับ Super UHD TV ที่จุดประสงค์สำคัญคือการเป็นทีวีของทุกคนในบ้าน
ในแง่มุมการตลาด เทคโนโลยี Nano Cell ยังช่วยเสริมจุดแข็งของ LG Super UHD TV ซึ่งมีความได้เปรียบด้านราคามากกว่า โดยราคา LG Super UHD TV Nano Cell มีราคาเริ่มต้นที่ 56,990 บาท ในขนาดจอ 55 นิ้ว ในขณะที่ LG OLED TV ในขนาดจอ 55 นิ้วเท่ากัน ราคาไปเริ่มต้นที่ 99,990 บาท หรือคิดง่าย ๆ ว่าถูกกว่ากันครึ่ง ๆ ในทุกระดับ
นอกจากเรื่องระดับราคา Super UHD TV ยังตอบสนองเรื่องความต้องการจอขนาดใหญ่มาก ๆ เพราะ LG Super UHD TV ที่เคลือบ Nano Cell ซึ่งวางตลาดในปีนี้ มีสเปคไปถึงระดับขนาดจอ 86 นิ้ว ในราคา 449,990 บาทอีกด้วย แน่นอนว่า ไม่มี OLED TV ในจอขนาดนี้ ไม่งั้นราคาอาจจะไม่ใช่แค่ 1 ล้านบาท
ความถูกต้องของสีสันบนจอ LG Super UHD TV อันเนื่องจากเทคโนโลยี Nano Cell อาจจะไม่ได้ถูกใจแค่ผู้ชม เพราะผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับโลกก็พอใจ อย่างเช่นบริษัท Technicolor ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพและสีแห่งฮอลลีวู้ด เข้ามาร่วมพัฒนาปรับแต่งให้โปรไฟล์ภาพและสีมีความถูกต้อง ด้วยโหมด Technicolor Expert Mode ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการแสดงภาพด้วยองค์ความรู้ที่ใช้จริงของสตูดิโอระดับโลก
สุดท้ายเรื่องประสบการณ์โดยรวม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ต้องอยู่กับมันไปตลอด หากออกแบบไม่ลงตัว ก็ทำให้จอดี ๆ มีคุณค่าความพึงพอใจลดลงได้ ซึ่ง LG เองก็มีระบบ Interface ในระบบ LG webOS 3.5 ที่ได้รับการยอมรับว่าใช้งานเป็นสมาร์ตทีวีได้ง่าย มีตำแหน่ง Netflix Recommended เป็นการันตี และยังมีระบบรีโมตคอนโทรลที่ออกแบบมาให้เหมาะขึ้นอีกด้วย ในขณะที่ความบางก็แค่ 6.9 มิลลิเมตรในจุดที่บางที่สุด
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับโลก ไม่ใช่เพียงการมีเทคโนโลยีเจ๋ง ๆ แค่อย่างเดียว แล้วจะไปถึงฝั่งฝันได้ แต่ผู้สร้างที่คาดหวังความสำเร็จ จะต้องระดมสรรพกำลังทางเทคโนโลยีที่สามารถพาผู้ใช้งานให้ล่องท่องไปกับผลิตภัณฑ์นั้นได้อย่างราบรื่นที่สุด ไม่ล่มกลางทาง และที่สำคัญอยู่ในระดับที่กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้อย่างคุ้มค่าและน่าพอใจ ซึ่ง LG Super UHD TV with Nano Cell ทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
