3 ปี ที่มีแค่เศษซาก #MH370

ยังจำได้ดี เมื่อเช้าวันที่ 8 มีนาคม 2557 ข่าวการหายไปของเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เริ่มแพร่สะพัด และที่จริงมันก็คงจะเป็นแค่ข่าวเครื่องบินตกธรรมดา ๆ  ถ้าหากในเวลาต่อมา สิ่งที่ยิ่งเปิดเผยขึ้นมา ไม่ได้ยิ่งเป็นปริศนา และ หักมุม

นี่คือบางส่วนของจุดหักเหที่เกิดขึ้นกับข่าว #MH370

เครื่องบินหาย ไม่ใช่ เครื่องบินตก

  • หลายคนไม่เคยแยก 2 เหตุการณ์นี้ออก จนกระทั่งเจอกับ #MH370 คือ ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อเครื่องบินประสบเหตุร้าย สิ่งที่จะเกิดขึ้นอันดับแรก ๆ คือ “การขาดการติดต่อ และ การสูญหาย” ก่อนที่จะเกิดการ “ค้นหาและกู้ภัย” เราจากนั้นเราจึงจะจะรู้ว่า ตก หรือ ชนภูเขา หรือ ถูกยิง หรืออะไรก็ตาม เราจะไม่สามารถสรุปได้ว่า ตก ก่อนจะเห็น ซาก แล้วจริง ๆ เพราะบางกรณี เครื่องบินอาจจะลงจอดอย่างปลอดภัยที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้
  • ซึ่งเหตุ #MH370 นั้น ช่วงเวลาของ “การสูญหาย” กับ “การค้นพบ” นั้นยาวนานมากเป็นเดือน ๆ กว่าที่คณะสอบสวนจะกล้าออกมาบอกว่า “ตก” ในแบบอ้อม ๆ ด้วยคำว่า “พบจุดจบกลางมหาสมุทรอินเดีย” ซึ่งแม้ว่าคนสอบสวนอาจจะไม่อยากสรุปแบบนั้น แต่ก็ต้องสรุป เพื่อให้บริษัทประกันภัยเริ่มจ่ายชดเชยได้

อ่าวไทย-ทะเลจีนใต้-มหาสมุทรอินเดีย อยู่ไหนกันแน่ ?

  • เครื่องบินลำนี้ขึ้นจากมาเลเซีย มุ่งหน้าไปจีน และจุดที่ขาดการติดต่อนั้นอยู่แถวเวียดนาม ทีมกู้ภัยจึงออกค้นหาให้ทั่วอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ แต่สุดท้ายก็ไม่พบ ทั้งที่ควรจะพบ ถ้าตกควรจะมีซาก มีเศษ คราบน้ำมัน อะไรลอยขึ้นมาบ้าง
  • รุ่งขึ้นบางสื่อถึงกับพาดหัวว่า “ตกในทะเลจีนใต้” แต่สุดท้ายก็ต้องเงิบ…
  • แล้วข้อมูลใหม่ก็เปิดเผยขึ้นมา ว่าเครื่องบินลำนั้น หายไปจากเรดาร์อิเล็กทรอนิกส์ (ซึ่งปิดสวิตช์พรางตัวได้) แต่ไปปรากฏในเรดาร์ทหาร ว่าจากจุดที่หาย ยังบินต่อ โดยเลี้ยวหักศอกกะทันหัน กลับไปทางมาเลเซีย มุ่งไปทางมหาสมุทรอินเดีย

บุคคลลึกลับ สวมพาสปอร์ต

  • เรื่องนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อเอารายชื่อผู้โดยสารมาไล่ดู พบ 3 คน ที่ขึ้นเครื่องบินเดินทางด้วยหนังสือเดินทางปลอม สวมรอยเป็นบุคคลอื่น ที่เคยแจ้งหนังสือเดินทางหายไว้
  • และงามหน้ากว่านั้น หนังสือเดินทางปลอมนั้นอาจจะมีหลักแหล่งเริ่มจากประเทศไทย
  • นอกจากสะเทือนไทย ยังสะเทือนระบบ ตม.มาเลเซีย ที่ปล่อยให้ชายลึกลับทั้งสามบินออกไปได้ด้วยหนังสือเดินทางปลอม
  • ไฟเริ่มส่องไปที่คำว่า “ก่อการร้าย” แต่ท้ายที่สุด 3 คนนี้ก็แค่ผู้ลี้ภัยที่อยากจะกลับบ้าน ไม่มีเหตุจูงใจใด ๆ ที่จะก่อเหตุ

หรือว่าผู้โดยสารเป็นเหตุ ?

  • MH370 ลำนี้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และ มีชาวออสเตรเลีย สหรัฐ อีกกลุ่มหนึ่ง ทำให้หลายคนก็จินตนาการกันไปว่า เป็นความพยายามของกลุ่มเชื้อชาติที่มีความขัดแย้งในจีนหรือไม่
  • หรือบางกระแสก็ว่า เป็นฝีมือจารชนระดับโลกเพื่อฉกชิงตัวนักวิทยาศาสตร์มือฉมัง อะไรประมาณนั้นเลยทีเดียว

หรือว่าจะเป็นฝีมือของกัปตัน ?

  • หามาหลายวัน ยังไม่พบเหตุจูงใจ ไม่มีก่อการร้ายออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือเรียกร้องให้ใครทำอะไร
  • ไพ่ใบหนึ่งที่ถูกเปิดออก คือ “กัปตัน” และ “นักบินผู้ช่วย” ซึ่งเป็น 2 คนที่ควรจะต้องอยู่ในจุดที่สามารถควบคุมเครื่องบินลำนั้นไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเครื่องบินไม่ได้ตกที่ทะเลจีนใต้ แต่ปิดสวิตช์การแสดงตัว และยังแอบเลี้ยวหักศอกและบินต่อไปที่อื่นอีก คำถามคือ ใครขับ ?
  • ประวัติของกัปตัน และ นักบินผู้ช่วยถูกเจาะลึก ตำรวจเข้าไปค้นบ้านนักบินทั้งสอง แล้วก็ต้องเจอกับหลักฐานที่น่าสงสัย พบว่า กัปตันคนนี้ แม้มีประวัติที่ดีมาตลอด แต่ก็ชอบเล่นเกมประเภท Flight Simulator จำลองเส้นทางการบิน ฮาร์ดดิสก์ข้อมูลของเกมนี้ จึงถูกส่งไปวิเคราะห์อย่างละเอียด
  • ด้านลูกสาวของกัปตัน ก็ออกมาขอความเป็นธรรม เพราะหลายคนจะโบ้ยชี้นิ้วไปที่กัปตัน แต่จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า เขาเกี่ยวข้องหรือไม่

Screen Shot 2560-03-08 at 21.10.53

เส้นทางการบินพิศวง!

  • ยิ่งความจริงยิ่งเปิดออก เราจะพบราวกับว่าเส้นทางการบินของ MH370 ถูกฉีกแบ่งเป็นชิ้น ๆ
    • ระบบเรดาร์ของสนามบิน เห็นว่า MH370 บินจากกัวลาลัมเปอร์ ไปถึงเหนือทะเลจีนใต้แถวเวียดนาม
    • ระบบเรดาร์การทหาร เห็นว่า MH370 ยังบินวกกลับมาผ่านมาเลเซีย แล้วออกไปทางมหาสมุทรอินเดีย
    • ปัญหาคือ สุดเขตเรดาร์ทหารแล้ว จะบินไปทางไหนต่อ ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนยังงงและสับสนกันอยู่พักใหญ่
    • เมื่อระบบรายงานตัวของเครื่องบินถูกปิด และ บินพ้นแนวเรดาร์ภาคพื้น โดยทั่วไปก็คงนับว่า ไม่เหลืออะไรให้ติดตามได้แล้ว แต่แล้วก็มีแสงสว่างมาจากบริษัทที่ชื่อ Inmarsat
    • ใครจะรู้ว่า เครื่องยนต์โรลสรอยซ์ทั้งสองของ MH370 นั้นมีระบบเชื่อมต่อกับดาวเทียม Inmarsat อยู่ ซึ่งระบบนี้ แม้ไม่ต้องสั่งการอะไร มันจะส่งข้อมูลไปที่ดาวเทียมทุกชั่วโมง
    • ดาวเทียม Inmarsat ซึ่งมีข้อมูลที่เรียก หรือ ping มาจากเครื่องบินหลายลำที่บินอยู่ทั่วโลก รวมทั้ง MH370 ไม่เพียงไขปริศนาได้หลายประการ แต่ยังได้เปิดเผยข้อมูลที่ทำให้โลกตะลึงอีกครั้ง

ยังบินต่ออีกนาน!

  • ดาวเทียมได้รับการติดต่อมาจากเครื่องยนต์ของ MH370 อีก 7 ครั้ง แปลว่า หลังจากมันหายไปจากเรดาร์บริเวณแถบทะเลอันดามันแล้ว เครื่องยนต์ยังทำงานต่อไปอีก 7 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงว่า อาจจะบินต่อไปอีก 7 ชั่วโมง คำถามคือแล้วมันบินไปทางไหน ?
  • ข้อมูลดิจิทัลชิ้นเล็ก ๆ 7 ชิ้นนี้ถูกนำมาใช้เป็นกุญแจไขปริศนา MH370 ให้ได้มากที่สุด เพราะความหวังบนข้อมูลเดิม ๆ นั้นหมดไปแล้ว
  • (ตรงนี้ยังสะเทือนวงการบินพาณิชย์ว่า ขนาดมือถือเครื่องเล็ก ๆ หาย เรายังมีระบบติดตามมันได้ แต่เครื่องบินทั้งลำนี่อันตรธานไปได้ยังไง ? ถึงขั้นออกเป็นแนวทางและระเบียบใหม่กันเลย)
  • วิศวกรวิจัยหยิบข้อมูลการติดต่อดาวเทียมทั้ง 7 ครั้งมาตรวจสอบระยะเวลาที่ใช้ส่งไปและส่งกลับ ใช้ความหน่วงที่เกิดขึ้นมาคำนวณหาระยะทางระหว่างเครื่องบินและดาวเทียม จนได้เป็นเส้นโค้ง หรือ Arc ที่ลากระหว่างจุดทั้ง 7
  • แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า Arc นี้ จะโค้งขึ้นเหนือ หรือ โค้งลงใต้ ? เพราะข้อมูลเท่าที่มี บอกแค่ระยะห่างระหว่างเครื่องบินกับดาวเทียม แต่ไม่ได้บอกว่า ห่างไปทางทิศไหนกันแน่
  • ถ้าขึ้นเหนือ ก็จะไปจบลงที่แถบคาซักสถาน ถ้าลงล่าง ก็จะไปสุดที่กลางมหาสมุทรอินเดีย
  • วิศวกรต้องคำนวณซ้ำ โดยเทียบกับเครื่องบินลำอื่น ๆ ให้ละเอียดขึ้น จนมั่นใจว่า MH370 ลงด้านล่างแน่ ๆ
  • อ่านรายงานฉบับจริง http://www.atsb.gov.au/media/5163181/AE-2014-054_MH370%20-FlightPathAnalysisUpdate.pdf

ปริศนาเส้นทางบิน

  • แม้ว่าจะคลี่คลายว่าบินไปไหน แต่ก็กลายเป็นปริศนาอีกชั้น ว่าเกิดอะไรขึ้น และบินไปทำไม ?
  • ลำดับเหตุการณ์คือ
    • เครื่องบินขึ้น
    • ดับระบบแสดงตัว
    • หักเลี้ยวไปทางตะวันตก
    • หักเลี้ยวลงใต้
    • บินต่อไปอีก 7 ชั่วโมง จนน้ำมันหมด
    • สิ้นสุดที่มหาสมุทรอินเดีย
  • มีหลายทฤษฎีเกิดขึ้นมาพยายามอธิบายเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีทฤษฎีใดยืนยันได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นบนนั้นกันแน่

กล่องดำอาจหมดประโยชน์

  • สำหรับคนที่รอคำตอบจากกล่องดำ กล่องดำนั้นบันทึกแค่ 2 ชั่วโมงสุดท้ายของการบิน ดังนั้น หากเจอกล่องดำจริง เราจะได้ยินแค่ 2 ชั่วโมงสุดท้าย ในช่วงที่เครื่องบินกำลังมุ่งสู่มหาสมุทรอินเดียแล้ว ทำให้เราไม่รู้ว่า ในตอนที่เกิดการหักเลี้ยวแถบทะเลจีนใต้นั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่

การค้นหาอันยาวนาน…ที่ไร้ผล

  • หลังมีการยืนยันจากข้อมูลดาวเทียม ว่า MH370 ยังบินต่อไปอีก 7 ชั่วโมง จนกระทั่งน้ำมันหมด ทำให้นักวิเคราะห์กำหนดจุดได้คร่าว ๆ ว่าควรจะหาเครื่องบินลำนี้ตรงไหน
  • แต่มันก็เป็นพื้นที่ใหญ่มากแสนกว่าตารางกิโลเมตร
  • และต้องเป็นการค้นหาในมหาสมุทรลึก ซึ่งไม่มีใครเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน
  • การสำรวจใช้เวลา 2 ปี สุดท้ายก็ยังไม่พบซากเครื่องบินแต่อย่างใด และได้ประกาศยุติการค้นหาไปแล้ว จนกว่าจะมีการเจอเบาะแสใด ๆ ใหม่

mh370area

เจอชิ้นส่วนลอยมาตามน้ำ

  • ระหว่างที่มีการค้นหาใต้น้ำกันอยู่นั้น ก็มีรายงานการพบซากเครื่องบินหลายชิ้น ลอยไปเกยฝั่งแถวแอฟริกา และต่อมาก็มีการยืนยันว่า น่าจะเป็นของ MH370 จริง ๆ
  • แต่มันก็ยังไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่า ยืนยันให้รู้ว่า เครื่องบินลำนี้ บินลงมาพบจุดจบ ที่มหาสมุทรอินเดียอันกว้างใหญ่ไพศาลจริง ๆ

 

ทั้งหมดนั้นเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเงื่อนงำที่เกิดขึ้นในข่าวการหายไปของเที่ยวบิน MH370 ในช่วงต้นปี 2557 ซึ่งนับเป็นปีที่มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเครื่องบินที่ต้องจดจำหลายครั้งติดต่อกัน

สุดท้ายแล้วผ่านมา 3 ปี 227 ผู้โดยสาร 12 ลูกเรือ รวม 239 ชีวิต บนเครื่องบินทั้งลำ ยังคงสูญหายต่อไป…

หากสนใจย้อนบรรยากาศ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนแบบยาว ๆ สามารถเข้าไปอ่านบล็อกของผมในช่วงวันนั้นกันได้ครับ> There’s something about MH370

ข้อมูลรายละเอียดของกรณีเที่ยวบิน MH370 จาก Wikipedia

สำหรับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ MH370 ติดตามอ่านได้จากเว็บไซต์ทางการของออสเตรเลีย http://www.atsb.gov.au/mh370-pages

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.