เพิ่งจะรู้ว่าสิงคโปร์…
เมื่อมีโอกาสเดินทางมายังต่าง แดน
นับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่จะได้เปิดหูเปิดตา
(นอกเหนือไปจากการเที่ยวโดยไม่ลืมหูลืมตา – ฮา…ล้อเล่นครับ)
ในทริปนี้ ผมได้มีโอกาสพบกับสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน
เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์…
บางอย่างตอกย้ำความเชื่อเดิม แต่บางเรื่องก็ทำเอางงไปเหมือนกัน
ก็เลยออกมาเป็นชุดบล็อกที่จั่วหัวไว้นั่นเอง
ใครอ่านแล้วหัวเราะเยาะหยัน ก็ไม่ว่ากัน
เพราะผมเพิ่งรู้จริง ๆ นี่นา
ก่อนจะเริ่มเขียนยาว ๆ แล้วเสี่ยงต่อการไม่เสร็จ หรือไม่มีคนอยากอ่าน
เบื้องต้นเอาภาพไปดูเล่น ๆ ก่อนนะครับ (แทนคำพูดได้นับพันคำนะเนี่ย)
ภาพนี้คือ อนุสาวรีย์ตะเกียบ ครับ เป็นชื่อเล่นที่น่าประทับใจ แต่ความหมายลึกซึ้งมาก ๆๆๆ
อนุสาวรีย์นี้เป็นอนุสรณ์ของเหตุการณ์ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่เกาะเล็ก ๆ นี้
ขณะนั้นเกาะสิงคโปร์มีประชากรประมาณ 1 ล้านคนเท่านั้น
และจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตจากสงคราม…
ปัจจุบัน อนุสาวรีย์นี้อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมที่คณะพักอยู่เองครับ
ภาพนี้ถ่ายจากชั้น 25…
เพิ่งรู้ครับว่า ทหารญี่ปุ่นก็มาขึ้นเกาะนี้เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะมีนิยายรัก แบบพ่อดอกมะลิกับอังศุมาลินหรือเปล่า ?
มองเลยไปไกล ๆ ที่เด่นและแปลกตาที่สุด คงไม่พ้นชิงช้าสวรรค์…
แหะ ๆ เรียกซะชาวบ้านเลย…ชื่อเป็นทางการคือ Singapore Flyer!!!
ขนาดใหญ่และสูงกว่า London Eye’s จึงใหญ่ที่สุดในโลก
แต่แว่วมาว่า จีนกำลังสร้างของใหม่ พี่บิ๊กกว่านี้อีกครับ
ภาพเดิม…มองถัดไปทางขวาครับ (ภาพเดียวหากินได้หลายนะเนี่ย)
ที่ไกล ๆ นั้นเป็นทะเลแล้วนะครับ เรือเดินสมุทรลำเบิ้มเทียบท่าอยู่เพียบเลย
ทำเอาทะเลไม่เป็นอันว่ายน้ำ…
ถัดเข้ามาหน่อย จะเห็นประตูน้ำ… (ไม่ครับ ไม่ใช่ประตูน้ำคอมเพล็กซ์)
เป็นประตูน้ำที่กั้นทะเลกับอ่าว Marina
ไกด์เล่าให้ฟังว่า สิงคโปร์สร้างประตูน้ำไว้เมื่อสัก 2 ปีมาแล้ว
ปิดตายอ่าวมาริน่า ไม่ให้น้ำทะเลไหลเข้ามาสะดวก ทิ้งไว้อย่างนั้น…
รอแค่ 5 ปี จะได้แหล่งน้ำสะอาด ที่เลี้ยงคนสิงคโปร์ได้ถึงร้อยละ 10!!!
อย่าลืมครับว่า สิงคโปร์เขามีแหล่งน้ำสะอาดไม่มาก
นอกจากซื้อน้ำจากประเทศอื่นแล้ว
แหล่งหลักคือแม่น้ำสิงคโปร์ที่น้ำไหลมาจากภูเขานั่นเอง
อัศจรรย์แนวคิดมั้ยครับ
ยังไม่หมดครับ เห็นตรงที่มีปั้นจั่นก่อสร้างเยอะ ๆ ไหมครับ
นั่นเป็นพื้นที่เตรียมสร้างคาสิโนแห่งแรกของสิงคโปร์
คือ Marina Bay Sands
เป้าหมายหลักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้จ่ายหนักมากขึ้น
โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น จีน อินเดีย…
เขาไม่ห้ามคนสิงคโปร์เข้าเล่นในบ่อนนะครับ
แต่ประชาชนคนใดจะเข้า ต้องจ่าย 100 เหรียญสิงคโปร์ทุกครั้ง (คูณ 24 เป็นเงินบาท)
และคนในครอบครัวเดียวกัน สามารถขึ้นบัญชีดำ ไม่ให้คนในครอบครัวเข้าบ่อนได้
เช่น สามีขอขึ้นบัญชีดำภรรยา ทางบ่อนเขาก็จะไม่ปล่อยคนนั้นเข้าไป
มีตัวเลขว่า ในบ่อน นักเล่น 95% จะเสีย อีกแค่ 5% จะได้
สิงคโปร์ไม่กลัวคนหอบเงินออกไปหรอกครับ…
เพราะเงินนั้นหมดกับการจับจ่าย กินเที่ยวในประเทศเขาหมดเรียบร้อยแล้วววว…
ขอเชิญชมภาพชุดคาสิโนหรูครับ…สร้าง เสร็จราวปี 2010
(อันนี้ค้นมาบริการจากอินเทอร์เน็ตครับ)
http://patchay.multiply.com/journal/item/12
http://www.travelmole.com/stories/1124406.php
สุดท้ายของภาพนี้ ตึกเอสพลานาด หรือตึกทุเรียน (มองใกล้ ๆ เหมือนมีหนาม)
แต่ถ้ามองไกล ๆ จะเหมือนตาแมลงวันนะครับ คิดว่าทุกท่านรู้จักกันดีแล้วล่ะ…
================================================
ยังไม่จบครับ
ถ้าไม่ว่าง พรุ่งนี้มาอ่านต่อก็ได้…ไม่รีบ ๆ
เพิ่งจะรู้ครับว่า พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ทรงเคยพระราชทานรูปปั้นช้างไว้ให้เกาะสิงคโปร์
ตอนนี้ยังตั้งอยู่เด่นสง่า หน้าอาคารรัฐสภาหลังเดิมครับ
ดูกันชัด ๆ มีคำจารึกเปนภาษาไทยด้วยครับ
================================================
เพิ่งจะรู้ว่า สวนสัตว์กลางคืน หรือ Night Safari เงียบมาก ๆๆๆ
เพราะคณะของเราไปถึงตั้งแต่ห้าโมงเย็น
คิดดูแล้วกัน ร้านค้ายังไม่เปิด
แต่พอทุ่มครึ่ง คนแน่นเอี้ยด ครึกครื้น แถวยาวเป็นหางว่าวเลยครับ
================================================
ชอบร้านนี้ครับ เอาตะเกียบหลากสีมาให้เลือกเพลิน ๆ
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกตะเกียบสีเดียวกัน หรือสีต่างกันครับ
สุดท้ายครับ ทิ้งไว้เป็นปริศนา
คนสิงคโปร์หลายสิบคนในชุมชนแห่งนี้
มาต่อแถวแสดงบัตรประชาชนเพื่อรับบัตรคิว
พวกเขารออะไรกัน..ติดตามได้ตอนหน้าครับ !
ที่มา ก่อนที่ไป :
ผมได้รับสิทธิพิเศษให้ร่วมกับคณะผู้สื่อ ข่าวอีก 6 สำนัก เดินทางมายังประเทศสิงคโปร์กับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนผู้สื่อข่าวระหว่างสิงคโปร์และ ประเทศไทย ครั้งที่ 5 (JEP : Journalists Exchange Programme) ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือ CSEP ระหว่างสองประเทศ (โครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือน ไทย – สิงคโปร์ : Thailand – Singapore Civil Service Exchange Program) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2551 สองประเทศจะสลับกันเป็นเจ้าภาพ และคราวนี้เป็นหน้าที่ของทางสิงคโปร์ กระทรวงหลักที่รับผิดชอบ ชื่อว่า “กระทรวง สารสนเทศ การสื่อสาร และศิลปะ” หรือว่า “มิก้า” (MICA : Ministry of Information, Communications and the Arts) กระทรวงแบบนี้ ในไทยยังไม่มี ขอบเขตงานของเขากว้างใหญ่ไพศาลดังที่จะเล่าในโอกาสต่อไป ขอขอบคุณ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน โดยเฉพาะ คุณอธิปัตย์ เจ้าหน้าที่สารนิเทศ จากกระทรวงการต่างประเทศ ที่คอยช่วยเหลือในการประสานงานทุกเรื่องให้ลุล่วงด้วยดีครับ. |
*-*
…เล่าต่อเด้อ จะรอฟัง สนุกดีอ่ะ
ขอด่วนๆ
Untitled Comment
ปล่อยวางเถอะโยม
สู้ๆ นะคะ
ขอบคุณครับ
(ด้วยคาดว่าพี่ ๆ เหล่านั้นอาจไม่อยากถูกเอ่ยนาม
และผมก็ยังไม่ได้ขออนุญาตเอ่ยนามพี่ ๆ เหล่านั้น
ก็เลยไม่ได้เอ่ยนามพี่ ๆ เหล่านั้นในที่นี้)
แต่เมื่อได้รับการทักท้วงมาจากท่านที่ไม่ได้ลงชื่อ
ผมก็ขอกราบขอบคุณท่านด้วยครับที่กรุณาเตือน
ความจริงผมก็ไม่ใช่คนที่สมควรมางานนี้
ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ…
เพียงแต่เป็น “โอกาส” อันสมควร
ซึ่งได้รับจากพี่ ๆ ที่ให้ความกรุณาทุกท่าน
พี่ ๆ ที่อนุญาต อนุมัติ อนุโลม
พี่ ๆ ที่ทำงานแทน ตอนผมไม่อยู่
พี่ ๆ ที่ช่วยเดินเอกสาร
พี่ ๆ ที่ให้คำแนะนำ
ฯลฯ
ขอยืนยันว่ารู้สึกขอบคุณพี่ ๆ เหล่านั้นมาก ๆ
แม้ผมจะไม่ได้เอ่ยนาม…ไม่ได้แปลว่าไม่ระลึกคุณ
และถึงตอนนี้ ในความเห็นผม ตามมารยาทแล้ว
ก็ยังไม่คิดว่าควรจะเอ่ยหรือเปิดเผยนาม
ของพี่ ๆ เหล่านั้น โดยพลการครับ ^_^
ขอบคุณครับ
Untitled Comment
เป็นกำลังใจให้เขียน blog ดีๆ ต่อไปค่ะ
อย่าวอกแวก
Untitled Comment
แล้วก็แพร่เชื้อให้คนอ่านอยากไป
*V*
Untitled Comment
น่าอิจฉาค่ะ
Untitled Comment
เป็นกำลังใจให้ครับ
ชื่นชอบครับ
DISUNITED !
Comment ที่ 3 เป็นเพื่อนร่วมงานเดียวกันหรือคะ?
มิน่าล่ะ ประเทศไทยถึง….ย่างนี้