[10 มิ.ย.2551] เพิ่งจะรู้ว่าสิงคโปร์… ตอน 1

เพิ่งจะรู้ว่าสิงคโปร์…

Posted on Tuesday 10 June 2008 at 20:22

เมื่อมีโอกาสเดินทางมายังต่าง แดน
นับเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่จะได้เปิดหูเปิดตา
(นอกเหนือไปจากการเที่ยวโดยไม่ลืมหูลืมตา – ฮา…ล้อเล่นครับ)

ในทริปนี้ ผมได้มีโอกาสพบกับสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน
เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์…
บางอย่างตอกย้ำความเชื่อเดิม แต่บางเรื่องก็ทำเอางงไปเหมือนกัน
ก็เลยออกมาเป็นชุดบล็อกที่จั่วหัวไว้นั่นเอง
ใครอ่านแล้วหัวเราะเยาะหยัน ก็ไม่ว่ากัน
เพราะผมเพิ่งรู้จริง ๆ นี่นา

ก่อนจะเริ่มเขียนยาว ๆ แล้วเสี่ยงต่อการไม่เสร็จ หรือไม่มีคนอยากอ่าน
เบื้องต้นเอาภาพไปดูเล่น ๆ ก่อนนะครับ (แทนคำพูดได้นับพันคำนะเนี่ย)

ภาพนี้คือ อนุสาวรีย์ตะเกียบ ครับ เป็นชื่อเล่นที่น่าประทับใจ แต่ความหมายลึกซึ้งมาก ๆๆๆ
อนุสาวรีย์นี้เป็นอนุสรณ์ของเหตุการณ์ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่เกาะเล็ก ๆ นี้
ขณะนั้นเกาะสิงคโปร์มีประชากรประมาณ 1 ล้านคนเท่านั้น
และจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตจากสงคราม…
ปัจจุบัน อนุสาวรีย์นี้อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมที่คณะพักอยู่เองครับ
ภาพนี้ถ่ายจากชั้น 25…
เพิ่งรู้ครับว่า ทหารญี่ปุ่นก็มาขึ้นเกาะนี้เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะมีนิยายรัก แบบพ่อดอกมะลิกับอังศุมาลินหรือเปล่า ?

มองเลยไปไกล ๆ ที่เด่นและแปลกตาที่สุด คงไม่พ้นชิงช้าสวรรค์…
แหะ ๆ เรียกซะชาวบ้านเลย…ชื่อเป็นทางการคือ Singapore Flyer!!!
ขนาดใหญ่และสูงกว่า London Eye’s จึงใหญ่ที่สุดในโลก
แต่แว่วมาว่า จีนกำลังสร้างของใหม่ พี่บิ๊กกว่านี้อีกครับ

ภาพเดิม…มองถัดไปทางขวาครับ (ภาพเดียวหากินได้หลายนะเนี่ย)
ที่ไกล ๆ นั้นเป็นทะเลแล้วนะครับ เรือเดินสมุทรลำเบิ้มเทียบท่าอยู่เพียบเลย
ทำเอาทะเลไม่เป็นอันว่ายน้ำ…

ถัดเข้ามาหน่อย จะเห็นประตูน้ำ… (ไม่ครับ ไม่ใช่ประตูน้ำคอมเพล็กซ์)
เป็นประตูน้ำที่กั้นทะเลกับอ่าว Marina
ไกด์เล่าให้ฟังว่า สิงคโปร์สร้างประตูน้ำไว้เมื่อสัก 2 ปีมาแล้ว
ปิดตายอ่าวมาริน่า ไม่ให้น้ำทะเลไหลเข้ามาสะดวก ทิ้งไว้อย่างนั้น…
รอแค่ 5 ปี จะได้แหล่งน้ำสะอาด ที่เลี้ยงคนสิงคโปร์ได้ถึงร้อยละ 10!!!
อย่าลืมครับว่า สิงคโปร์เขามีแหล่งน้ำสะอาดไม่มาก
นอกจากซื้อน้ำจากประเทศอื่นแล้ว
แหล่งหลักคือแม่น้ำสิงคโปร์ที่น้ำไหลมาจากภูเขานั่นเอง
อัศจรรย์แนวคิดมั้ยครับ

ยังไม่หมดครับ เห็นตรงที่มีปั้นจั่นก่อสร้างเยอะ ๆ ไหมครับ
นั่นเป็นพื้นที่เตรียมสร้างคาสิโนแห่งแรกของสิงคโปร์

คือ Marina Bay Sands
เป้าหมายหลักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้จ่ายหนักมากขึ้น
โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น จีน อินเดีย…
เขาไม่ห้ามคนสิงคโปร์เข้าเล่นในบ่อนนะครับ
แต่ประชาชนคนใดจะเข้า ต้องจ่าย 100 เหรียญสิงคโปร์ทุกครั้ง (คูณ 24 เป็นเงินบาท)
และคนในครอบครัวเดียวกัน สามารถขึ้นบัญชีดำ ไม่ให้คนในครอบครัวเข้าบ่อนได้
เช่น สามีขอขึ้นบัญชีดำภรรยา ทางบ่อนเขาก็จะไม่ปล่อยคนนั้นเข้าไป
มีตัวเลขว่า ในบ่อน นักเล่น 95% จะเสีย อีกแค่ 5% จะได้
สิงคโปร์ไม่กลัวคนหอบเงินออกไปหรอกครับ…
เพราะเงินนั้นหมดกับการจับจ่าย กินเที่ยวในประเทศเขาหมดเรียบร้อยแล้วววว…

ขอเชิญชมภาพชุดคาสิโนหรูครับ…สร้าง เสร็จราวปี 2010
(อันนี้ค้นมาบริการจากอินเทอร์เน็ตครับ)

http://patchay.multiply.com/journal/item/12

http://www.travelmole.com/stories/1124406.php

สุดท้ายของภาพนี้ ตึกเอสพลานาด หรือตึกทุเรียน (มองใกล้ ๆ เหมือนมีหนาม)
แต่ถ้ามองไกล ๆ จะเหมือนตาแมลงวันนะครับ คิดว่าทุกท่านรู้จักกันดีแล้วล่ะ…

================================================

ยังไม่จบครับ
ถ้าไม่ว่าง พรุ่งนี้มาอ่านต่อก็ได้…ไม่รีบ ๆ

เพิ่งจะรู้ครับว่า พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ทรงเคยพระราชทานรูปปั้นช้างไว้ให้เกาะสิงคโปร์
ตอนนี้ยังตั้งอยู่เด่นสง่า หน้าอาคารรัฐสภาหลังเดิมครับ

ดูกันชัด ๆ มีคำจารึกเปนภาษาไทยด้วยครับ

================================================

เพิ่งจะรู้ว่า สวนสัตว์กลางคืน หรือ Night Safari เงียบมาก ๆๆๆ
เพราะคณะของเราไปถึงตั้งแต่ห้าโมงเย็น
คิดดูแล้วกัน ร้านค้ายังไม่เปิด
แต่พอทุ่มครึ่ง คนแน่นเอี้ยด ครึกครื้น แถวยาวเป็นหางว่าวเลยครับ

================================================

ชอบร้านนี้ครับ เอาตะเกียบหลากสีมาให้เลือกเพลิน ๆ
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกตะเกียบสีเดียวกัน หรือสีต่างกันครับ

สุดท้ายครับ ทิ้งไว้เป็นปริศนา
คนสิงคโปร์หลายสิบคนในชุมชนแห่งนี้
มาต่อแถวแสดงบัตรประชาชนเพื่อรับบัตรคิว
พวกเขารออะไรกัน..ติดตามได้ตอนหน้าครับ !


ที่มา ก่อนที่ไป :

ผมได้รับสิทธิพิเศษให้ร่วมกับคณะผู้สื่อ ข่าวอีก 6 สำนัก เดินทางมายังประเทศสิงคโปร์กับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนผู้สื่อข่าวระหว่างสิงคโปร์และ ประเทศไทย ครั้งที่ 5 (JEP : Journalists Exchange Programme) ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือ CSEP ระหว่างสองประเทศ (โครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือน ไทย – สิงคโปร์ : Thailand – Singapore Civil Service Exchange Program) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2551

สองประเทศจะสลับกันเป็นเจ้าภาพ และคราวนี้เป็นหน้าที่ของทางสิงคโปร์ กระทรวงหลักที่รับผิดชอบ ชื่อว่า “กระทรวง สารสนเทศ การสื่อสาร และศิลปะ” หรือว่า “มิก้า” (MICA : Ministry of Information, Communications and the Arts) กระทรวงแบบนี้ ในไทยยังไม่มี ขอบเขตงานของเขากว้างใหญ่ไพศาลดังที่จะเล่าในโอกาสต่อไป

ขอขอบคุณ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน โดยเฉพาะ คุณอธิปัตย์ เจ้าหน้าที่สารนิเทศ จากกระทรวงการต่างประเทศ ที่คอยช่วยเหลือในการประสานงานทุกเรื่องให้ลุล่วงด้วยดีครับ.

tracker

*-*

Posted on Tuesday 10 June 2008 at 23:14 by DK
อ่านคนแรกเลยวุ้ย

…เล่าต่อเด้อ จะรอฟัง สนุกดีอ่ะ

ขอด่วนๆ

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 03:07 by Omu
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคร้าบ

Untitled Comment

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 09:08 by Anonymous
อย่าลืมขอบคุณคุณสุรชา บุญเปี่ยมด้วยนะที่สละสิทธิ์ไม่ไปงานนี้ อานิสงค์จึงตกมาถึงท่าน

ปล่อยวางเถอะโยม

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 11:14 by Anonymous
จิ๊บจ๊อยแค่นี้ก็ต้องทวงบุญคุณให้ชาวบ้านรับรู้ด้วย

สู้ๆ นะคะ

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 12:50 by Anonymous
ขอให้โยมีกำลังใจสู้ๆ ในการทำงานนะคะ …พี่หน่อย

ขอบคุณครับ

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 22:17 by พีรพล
แม้จะขอบคุณพี่ ๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้วในหมายเหตุ
(ด้วยคาดว่าพี่ ๆ เหล่านั้นอาจไม่อยากถูกเอ่ยนาม
และผมก็ยังไม่ได้ขออนุญาตเอ่ยนามพี่ ๆ เหล่านั้น
ก็เลยไม่ได้เอ่ยนามพี่ ๆ เหล่านั้นในที่นี้)

แต่เมื่อได้รับการทักท้วงมาจากท่านที่ไม่ได้ลงชื่อ
ผมก็ขอกราบขอบคุณท่านด้วยครับที่กรุณาเตือน

ความจริงผมก็ไม่ใช่คนที่สมควรมางานนี้
ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ…
เพียงแต่เป็น “โอกาส” อันสมควร
ซึ่งได้รับจากพี่ ๆ ที่ให้ความกรุณาทุกท่าน
พี่ ๆ ที่อนุญาต อนุมัติ อนุโลม
พี่ ๆ ที่ทำงานแทน ตอนผมไม่อยู่
พี่ ๆ ที่ช่วยเดินเอกสาร
พี่ ๆ ที่ให้คำแนะนำ
ฯลฯ

ขอยืนยันว่ารู้สึกขอบคุณพี่ ๆ เหล่านั้นมาก ๆ
แม้ผมจะไม่ได้เอ่ยนาม…ไม่ได้แปลว่าไม่ระลึกคุณ

และถึงตอนนี้ ในความเห็นผม ตามมารยาทแล้ว
ก็ยังไม่คิดว่าควรจะเอ่ยหรือเปิดเผยนาม
ของพี่ ๆ เหล่านั้น โดยพลการครับ ^_^

ขอบคุณครับ

Untitled Comment

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 22:43 by Anonymous
เค้าเรียกว่าโอกาสน่ะ ถ้าจะได้ไปก็ต้องได้ไป
เป็นกำลังใจให้เขียน blog ดีๆ ต่อไปค่ะ

อย่าวอกแวก

Posted on Wednesday 11 June 2008 at 23:32 by Anonymous
เล่าเรื่องไปเหอะ ไปเห็นอะไรดีๆก็เอามาเล่า เรื่องพี่คนไหนสละสิทธิ์ให้ไป มันไม่ใช่สาระหรอก แท้จริง อสมท นั่นแหละที่ให้โอกาสคุณไป พี่คนไหนที่ได้รับเชิญก็เพราะเค้าทำงาน อสมท ไม่เข้าใจทำไมมันถึงเป็นบุญเป็นคุณกันนักหนา

Untitled Comment

Posted on Thursday 12 June 2008 at 15:06 by Anonymous
พี่โยเขียนสนุกดี โชคดีจังที่ได้ไปหลากหลายที่
แล้วก็แพร่เชื้อให้คนอ่านอยากไป
*V*

Untitled Comment

Posted on Thursday 12 June 2008 at 15:25 by bamee
โกปิเตี๊ยมเป็นชื่อร้านข้าวแถวคณะด้วยล่ะ

น่าอิจฉาค่ะ

Untitled Comment

Posted on Friday 13 June 2008 at 17:27 by tuktuk34@hotmail.com
ดีใจที่น้องได้ไป เพราะเชื่อว่าจะเปฺ้นคนที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้เห็นมาเป็นประโยชน์ ต่อเพื่อนๆพี่ๆน้องที่ อสมท และคนที่เข้ามาชมเว็บได้ดี เหมือนกับหลายๆเรื่องที่ทำมา สำหรับคนทำงานผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ หวังว่าผลพลอยได้จากกรณ๊นี้จะเป็นแรงส่งให้ผู้บริหาร อสมท เปลี่ยนมุมมองเรื่องการส่งคนไปดูงานได้บ้าง

เป็นกำลังใจให้ครับ

Posted on Monday 16 June 2008 at 13:14 by เฒ่าเว็บ
แม้ไม้รู้จักเป็นส่วนตัว แต่ติดตามผลงานมาโดยตลอด

ชื่นชอบครับ

DISUNITED !

Posted on Thursday 26 June 2008 at 13:42 by Mi Na

Comment ที่ 3 เป็นเพื่อนร่วมงานเดียวกันหรือคะ?

มิน่าล่ะ ประเทศไทยถึง….ย่างนี้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.