5G ที่รอคอย

#Advertorial

ไม่ใช่แค่การรอคอยของผู้บริโภค แต่ยังเป็นวันที่รอคอยของผู้ให้บริการอย่าง TrueMove H ซึ่งเริ่มเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ยังไม่ถึงยุค 3G

 

ข่าว TrueMove H เปิดให้บริการ FDD Massive MIMO 32T32R รายแรกของโลก ทำให้รู้สึกว่า 5G กำลังเข้ามาใกล้เราอย่างที่คิดไม่ถึง คล้อยหลังการประมูล 3G มาไม่กี่ปี ประเทศไทยกำลังจะมี 5G ในระดับแนวหน้าของโลกแล้ว

 

3 -> 4 -> 5

จาก 3G มา 4G และ 4.5G อาจจะทำให้เรารู้สึกแค่ว่า การเพิ่ม G คือ การเพิ่มความเร็วเน็ตบนมือถือ แต่สำหรับ 5G ไม่ใช่แค่นั้น เพราะเทคโนโลยีใหม่ กำลังจะเข้ามาแก้ปัญหาสำคัญ คือ ปริมาณความต้องการใช้งานอุปกรณ์ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่จำนวนเครื่องมือถือตามจำนวนประชากรคนละเครื่อง

เราอยู่ในยุคที่ 1 คนมีหลายเครื่อง และ 1 บ้าน หรือ 1 คันรถ ก็บรรจุหลากหลายอุปกรณ์ไร้สาย ซึ่งย่อมทำให้มีการใช้โครงข่ายมากขึ้นยิ่งกว่าทวีคูณ

จินตนาการย้อนไปไม่ไกล จากเดิมเรามีมือถือมีซิมกันคนละเบอร์ เวลาเราจะโทรออกหรือรับสาย ก็เหมือนเราต้องเสียบต่อสายโทรศัพท์ 1 เส้น (ที่เรามองไม่เห็นสายนั้น) ไปยังตู้ชุมสายของผู้ให้บริการ พอโทรเสร็จ เราก็ดึงสายออก เพื่อให้คนอื่นที่ต้องการใช้มาเสียบสายต่อ เพียงแต่อุปกรณ์ดิจิทัลเป็นตัวจัดการทั้งหมด

วาร์ปมาถึงยุคที่เราต่อเน็ตกันทั้งวันทั้งคืน จริง ๆ แล้วทุกครั้งที่ดาวน์โหลด อัปโหลด ดูเว็บ ฯลฯ ที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สถานีฐานก็ต้องเกิดการเสียบสลับสายแบบนั้นเหมือนกัน และคงนึกภาพกันออกว่าจะต้องสลับไปมากันถี่ยิบขนาดไหน

ดังนั้น เมื่อถึงยุคนี้ ที่หนึ่งคนจะมีมากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ไร้สาย ก็จะเป็นความท้าทายของผู้ให้บริการที่จะต้องเตรียมการรับมือ และการเตรียมการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อย่างกรณีของ TrueMove H ที่เข้าใกล้การให้บริการจริงในยุค 5G นั้น ต้องมองย้อนไปถึงตั้งแต่การประมูลคลื่นความถี่ การวางกลยุทธ์ การจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ อย่าง China Mobile หรือ Huawei ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นว่า TrueMove H สามารถก้าวจาก 3G ไป 4G และ 4.5G ได้แบบรวดเร็วคล่องตัว

และที่พีคกว่านั้นคือ มาสู่ยุค 5G ได้ก่อน แม้ทางการตลาดอาจยังไม่เรียกว่า 5G แต่เทคโนโลยี NB-IoT ที่ใช้ได้จริงทั่วประเทศแล้วนั้น เป็นที่ทราบกันว่า คือ หนึ่งในส่วนสำคัญของบริการในยุค 5G

Screen Shot 2018-08-03 at 10.35.06

จาก NB-IoT เสริมทัพด้วย CAT-M1

TrueMove H ประกาศก้าวต่อไปของโครงข่ายที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับอุปกรณ์ในยุค 5G คือการขยายการรองรับจากมาตรฐาน NB-IoT เพิ่มการรองรับมาตรฐาน CAT-M1 เข้ามา ซึ่งจะทำให้บริการสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

จริง ๆ แล้วทั้งสองมาตรฐานนั้น จัดอยู่ในกลุ่มโซลูชั่น LPWA หรือ Low Power Wide Area ที่เข้ามารองรับอุปกรณ์จำนวนมากที่กระจายตัวอยู่มากมาย และมีความต้องการใช้โครงข่ายเพื่อรับส่งข้อมูล เพียงแต่ว่ามีจุดเด่นคือ รับส่งข้อมูลทีละน้อย ไม่เน้นความเร็วมากนัก และมีความต้องการสำคัญคือ จะต้องประหยัดแบตเตอรี่เพื่อให้ต้นทุนการเทียวไปเทียวมาเพื่อดูแลรักษานั้นต่ำที่สุด (เช่น เปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก 2-3 ปี)

 

Screen Shot 2018-08-03 at 10.34.58.jpg

NB-IoT ซึ่งมีให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบันนั้น เหมาะกับการให้บริการแบบใช้ทรัพยากรต่ำที่สุด low cost, low power, low-throughput ไม่ได้ต้องการความเร็วนัก รับส่งข้อมูลเล็ก ๆ และไม่รองรับการส่งเสียง เช่น เซ็นเซอร์ติดเครื่องจักร มิเตอร์น้ำไฟ ระบบติดตามด้านการเกษตร โครงสร้างพื้นฐานของเมือง ไฟทาง มิเตอร์ที่จอดรถริมถนน เป็นต้น

 

Screen Shot 2018-08-03 at 10.34.42.jpg

 

ส่วน CAT-M1 ที่ TrueMove H ประกาศจะขยายให้ครอบคลุมนั้น จะเป็นมาตรฐานเทคโนโลยีที่ใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการความเร็วขึ้นมาหน่อย มีความเสถียรของข้อมูล และ ความหน่วงต่ำ เช่น ตัวติดตามการเคลื่อนที่สินทรัพย์ ระบบรักษาความปลอดภัย อุปกรณ์พกพาในอุตสาหกรรม อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์ติดตามสุขภาพ ตู้จำหน่ายสินค้า เป็นต้น คือรองรับการรับส่งทั้งเสียงและข้อมูล

 

FDD Massive MIMO 32T32R

 

“ล่าสุดเปิดให้บริการเทคโนโลยีมาตรฐานโลก FDD Massive MIMO 32T32R เป็นรายแรกของโลก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ 5G โดยมีจุดเด่นที่การกระจายช่องสัญญาณให้สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ จึงเสมือนมีช่องสัญญาณส่วนตัว  ช่วยเพิ่ม capacity ถึง 4 เท่า ทำให้รองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์การใช้งานมือถือดียิ่งขึ้น โดยเปิดให้บริการแล้วในบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่น ได้แก่ บริเวณมหาวิทยาลัยสยาม ถนนเพชรเกษม และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถนนรามคำแหง  และจะขยายการให้บริการในบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่นทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศเร็วๆนี้” TrueMove H ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์

 

เทคโนโลยี 4×4 MIMO คืออะไร?

https://www.youtube.com/watch?v=vSFZ1rFjdqw

 

ดึง LAA เพิ่มประสิทธิภาพ

 

ที่มาไกลกว่านั้นคือ เทคโนโลยีที่เรียกว่า LAA หรือ Licensed Assisted Access ซึ่งกำลังจะเปิดทดสอบจริงครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะหนุนให้การใช้บริการดาต้าความเร็วสูงทำได้ดียิ่งขึ้น

Screen Shot 2018-08-03 at 10.35.43.jpg

หลักการเบื้องหลังของ LAA นั้นไม่ยาก คือการนำคลื่นความถี่ที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตใช้งาน คือคลื่นความที่ 5GHz ที่ใช้กับ Wi-Fi กันทั่วเมืองในปัจจุบัน มาปรับให้ใช้เทคโนโลยี LTE แบบที่ใช้กับคลื่นย่านมือถือ แล้วนำไปเสริมทัพกับคลื่นมือถือปกติที่มีอยู่แล้วผ่านทางท่อของเทคโนโลยี Carrier Aggregation ทำให้เพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ โดยระดับความเร็วอาจจะไปแตะถึง 900Mbps

 

ส่วนคนที่คิดว่าจะไปรบกวนหรือถูกรบกวนในการใช้งาน Wi-Fi ปกตินั้น ระบบนี้มีการออกแบบอุปกรณ์ที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงการรบกวนสัญญาณกับ Wi-Fi ไว้ด้วยแล้ว

Screen Shot 2018-08-03 at 10.35.36.jpg

 

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการทดลองล่าสุด ที่ TrueSphere Emquatier และ One Nimman เชียงใหม่ เทคโนโลยี LAA ให้ความเร็วได้สูง 675Mbps และ 728Mbps ตามลำดับ (ย้ำอีกทีว่าบนมือถือ) ซึ่งปัจจุบัน มีมือถือที่รองรับเทคโนโลยีนี้ 4 รุ่น คือ Sony XZ2 Premium, Asus Zenfone 4 Pro, Moto Z2 Force, และ Samsung Galaxy S9

Screen Shot 2018-08-03 at 10.35.28.jpg

Screen Shot 2018-08-03 at 10.35.21.jpg

True เปิดเผยว่า LAA ที่กำลังทดสอบนี้ ได้ประสาน กสทช.เพื่อเตรียมขอนำมาใช้บริการได้จริงในปี 2562

 

คนไทย : ต้องเตรียมตัว

ทั้งสามส่วนที่ยกมา ไม่ว่าจะเป็น NB-IoT และ Cat-M1 หรือ FDD Massive MIMO 32T32R หรือ LAA ล้วนเป็นผลที่เกิดให้เห็นจากการบุกเบิกอย่างจริงจัง บนฐานความเชี่ยวชาญและการกรุยทางวางแผนไว้อย่างดี ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อธุรกิจในด้านความพร้อมการให้บริการ 5G แล้ว ยังเป็นผลดีต่อประชาชนคนไทยอีกจำนวนมาก ที่กำลังจะได้นำนวัตกรรมหรือเป้าประสงค์มาขับเคลื่อนอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญนี้ โดยเฉพาะหลาย ๆ คนที่เริ่มมองเห็น และเริ่มเตรียมตัวให้พร้อมกับจังหวะพุ่งทะยาน

หนึ่งในข้อคิดที่ได้จากการเฝ้าดูแต่ละก้าวขององค์กรใหญ่ในธุรกิจแห่งนี้ คือ การได้รับรู้ถึงความสำคัญในการกำหนดเป้าหมาย ทิศทาง และกลยุทธ์ เพราะในการบุกเบิกไปที่ใดก็ตาม ระหว่างทางอาจจะมีอุปสรรค ยากบ้าง ง่ายบ้าง แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะมีสัญญาณอีกหลายประการให้รับรู้ได้ว่า เรากำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่

 

TrueMove H 5G “The future is now” 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.