Site icon YOWARE

5 เหตุผล ที่ควร และ ไม่ควร ซื้อ iPad Pro 2018 รุ่นใหม่

iPad Pro แบบจอเต็มแผ่นที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2018 นี้คงทำให้หลาย ๆ คน “ว้าว” ได้จากหลากหลายมุม แต่ถ้าพิจารณาจากคำถามที่ว่า “ควรซื้อหรือไม่” คำที่ตอบที่ได้อาจจะแตกต่างกัน…

ณ ปลายปี 2018 เรามี iPad ให้เลือกซื้อถึง 5 รุ่น นั่นคือ

เปรียบเทียบ iPad แต่ละรุ่น : Apple

 

นับได้ว่า ตระกูล iPad ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2010 ได้ดำเนินมาถึงยุคที่เข้าถึงผู้คนได้แทบทุกกลุ่มแล้ว แต่ละรุ่นที่ยังวางขาย (รวมทั้ง iPad รุ่นที่เก่ากว่านั้นและ Apple ไม่ได้พูดถึง) นั้นตอบสนองกับ “ความต้องการ” และ “ความจำเป็น” ในการใช้งานของแต่ละบุคคล แต่ละกลุ่ม แต่ละธุรกิจได้เป็นอย่างดี

เปิดหัวมาแบบนี้เพื่อจะสื่อให้ทุกท่านทราบว่า iPad เครื่องใหม่ของท่านในปีนี้ อาจจะไม่ใช่ iPad Pro รุ่นใหม่แกะกล่องที่เพิ่งเปิดตัวก็เป็นได้

วิดีโองานแถลงข่าวเปิดตัว iPad Pro Mac mini และ MacBook Air : Apple : ตุลาคม 2018

 

หลังจบการติดตามชมแถลงข่าวเมื่อ 30 ตุลาคม 2018 เกิดความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่การติดตามดูเนื้อหารีวิวมากมายที่เกี่ยวกับ iPad Pro รุ่นใหม่ ทำให้ตกผลึกในข้อมูลหลาย ๆ มิติ ที่ตอกย้ำว่า iPad Pro รุ่นใหม่ในปี 2018 นี้ อาจจะยังไม่ใช่ iPad เครื่องใหม่สำหรับทุกคน

 

ดังนั้น นี่จะเป็นบทความเรื่องการเลือกซื้อ iPad หนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมกำลังจะแนะนำให้ “เลือกไม่ซื้อ” สำหรับผู้ใช้ในบางกลุ่ม แต่ในทางตรงกันข้าม สำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม ผมก็จะเชียร์ให้ซื้อ

https://www.youtube.com/watch?v=LjaKHqDbzSA

 

iPad Pro 2018 เหมาะกับใคร ?

กลุ่มที่ 1 ซื้อเลย : ถ้าคุณตอบว่า “ใช่” กับคำถามต่อไปนี้ iPad Pro รุ่นใหม่ (ไม่ว่าจอเล็กหรือใหญ่) เหมาะกับคุณ คุณสามารถหยุดอ่านบทความตอนนี้ แล้วสั่งซื้อได้เลย ถ้ามีบางข้อตอบว่า “ไม่ใช่” หรือ “ไม่แน่ใจ” กรุณาไปตอบคำถามของกลุ่มที่ 2

 

กลุ่มที่ 2 คิดให้ดีก่อนซื้อ : ถ้าคุณตอบไม่ใช่บางข้อจากกลุ่มที่ 1 แต่คุณตอบ “ใช่” ทุกข้อ หรือ บางข้อในกลุ่มนี้ คุณมีโอกาสที่เหมาะจะเป็นเจ้าของ iPad Pro รุ่นใหม่ แต่ไม่รับประกันว่าจะคุ้มมูลค่าที่คุณต้องจ่าย

 

กลุ่มที่ 3 อย่าซื้อ : ถ้าคุณผ่านคำถามมา 10 ข้อแล้ว ยังไม่เข้าเค้าเลย iPad รุ่นใหม่นี้อาจจะยังไม่คู่ควรกับคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณตอบ “ใช่” กับคำถามดังต่อไปนี้

 

กลุ่มที่ 4 ซื้อ iPad รุ่นอื่น : ไม่ว่าอย่างไร iPad ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่น่า “หัดใช้” “เรียนรู้” และ “ทำประโยชน์” หากคุณได้ใช้รุ่นที่เหมาะกับการใช้งานจริง ๆ แม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุดก็ตาม

ทำแบบทดสอบให้รู้จักตัวเองกันพอหอมปากหอมคอกันไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการมองในมุมความต้องการของตัวเราเอง จากนั้น ต่อไปนี้ เราจะมาดู 5 เหตุผลที่ควร และ 5 เหตุผลที่ไม่ควร ซื้อ iPad Pro 2018 ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ “คุณสมบัติ” ของตัว iPad เป็นสำคัญ

 

https://www.youtube.com/watch?v=YJ5q8Wrkbdw

 

5 เหตุผลที่ควรซื้อ iPad Pro 2018

 

1. จอภาพใหญ่ขึ้นเต็มตา พื้นที่ทำงานกว้างขวาง และมี “โปรโมชั่น” – ขยายมุมมอง

จุดเด่นที่สุดของ iPad Pro รุ่นใหม่ คือ จอภาพที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะรุ่น 12.9 นิ้ว ที่ตัวเครื่องขนาดพอ ๆ กับกระดาษ A4 ซึ่งแน่นอนว่า อุปกรณ์บริโภคข้อมูลแบบนี้ ยิ่งจอใหญ่ก็ยิ่งดี

หรือแม้แต่จะใช้ทำงาน เช่น ดูภาพที่ถ่ายมา ตกแต่งภาพ หรือตัดต่อวิดีโอ ก็มีความสะดวกเพราะจอใหญ่ขึ้น

หากใช้งานร่วมกับ Apple Pencil แล้ว ก็จะเหมือนคุณกำลังวาดเขียนบนกระดาษจริง ๆ ได้เลย โดยไม่ต้องย่อขยายเหมือนกับที่เคยใช้บน iPad รุ่นก่อน ๆ

จอเป็นสิ่งที่ Apple เรียกว่า Liquid Retina Display ซึ่งก็เป็นจอ LCD ที่มุมโค้งมน แบบเดียวกับใน iPhone XR แต่ยังเหนือกว่าตรงที่มีเทคโนโลยี “โปรโมชั่น” ซึ่งเปิดตัวใน iPad Pro 10.5″ จุดเด่นคือมีอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz การเคลื่อนไหวของภาพสมูทสุด ๆ

 

2. Apple Pencil รุ่นใหม่ – ความสุขในงานสร้างสรรค์

Apple Pencil รุ่นใหม่ ใช้ได้กับเฉพาะ iPad Pro รุ่นใหม่เท่านั้น จุดเด่นของมันคือ การแปะติดชาร์จไร้สายกับขอบข้างของ iPad Pro ได้ทันที และบนตัวด้าม Pencil ก็มี capacitive sensor ที่ทำให้ใช้นิ้วแตะสั่งงานลงไปได้ เช่น แตะสองทีเพื่อเปลี่ยนปากกาเป็นยางลบในแอปวาดภาพ

คนที่ได้ลองใช้ถึงขั้นออกปากว่า นี่ควรจะเป็น Apple Pencil ตัวจริงมากกว่ารุ่นแรกที่ออกมา

3. หน่วยประมวลผลสุดแรง – ประสิทธิภาพสูง

iPad Pro รุ่นใหม่ มาพร้อมความแรงของซีพียู A12X Bionic ที่มี Neural Engine และ Co-Processor รุ่น M12 ซึ่งทำคะแนนได้แรงแซงหน้าชิปในคอมพิวเตอร์ทั่วไปหลายรุ่น

พลังหน่วยประมวลผลแรง ๆ แบบนี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับแอปหรือเกมที่ใช้การประมวลผลหนัก ๆ รวมไปถึงการรองรับแอปในกลุ่ม AR VR หรือใครจะใช้กับงานสร้างสรรค์ ตกแต่งภาพ ทำดนตรี ตัดต่อวิดีโอ ก็จะทำให้การทำงานรวดเร็วราบรื่นขึ้น

4. สแกนใบหน้า ไม่ยึดติดทิศทาง เสียงปัง – สะดวกสบาย

iPad Pro ใหม่มาพร้อมเทคโนโลยี Face ID ที่สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันเจ้าของเครื่องได้รวดเร็ว ไม่ต้องสแกนนิ้ว และยังสแกนได้ ไม่ว่าจะหยิบ iPad Pro ขึ้นมาในท่าไหน แนวตั้ง แนวนอน ได้หมด ยกเว้นมือไปบังกล้อง (ซึ่งบนจอก็จอบอกให้เอามือออก) หรือบางทีตามองบนมากไป แต่กล้องไปอยู่ข้างล่าง ก็จะมีข้อความชี้ให้มองล่างบ้าง

ประโยชน์ที่เด่นชัดคือความปลอดภัยระดับสูงจากการสแกนใบหน้า ที่มาพร้อมความคล่องตัวในการใช้งาน ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมความสะดวกสบาย และความรื่นรมย์จากการใช้งาน พอ ๆ กับลำโพง 4 ตัว ไมค์ 5 ตัว และแถมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้เต็มเวลาทำงาน ได้โดยไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าใดนักอยู่แล้ว

 

อัดแน่นขนาดนี้ แต่น้ำหนักก็ถือว่าพอดีมือ เบากว่าที่คาด แต่ก็ไม่ได้เบาจนเกินไป (468 กรัม กับ 633 กรัม ในรุ่น 11 นิ้ว กับ 12.9 นิ้ว ตามลำดับ)

 

5. ก้าวสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยี Post PC – ทะยานสู่อนาคต

จะว่าไป ข้อนี้คือจุดเด่นที่สุดของ iPad Pro รุ่นใหม่นี้ แต่ผมก็จัดให้เป็นเหตุผลสุดท้ายที่คุณจะใช้เพื่อซื้อ เนื่องจากความรู้สึกที่มีต่อราคา เมื่อเทียบกันแล้ว แค่จัดเวลาเดินไปจับของจริงที่ร้าน Apple ก็น่าจะเพียงพอทดแทนได้โดยไม่ต้องซื้อหามาเป็นเจ้าของ

iPad Pro รุ่นใหม่ จะเป็นเหมือนอุปกรณ์เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้คุณได้เข้าถึงก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็น

5 เหตุผลที่ ไม่ควรซื้อ iPad Pro 2018

 

1. งบลงทุนสูง – เรียกอีกอย่างว่า “แพง”

แม้ว่าคำว่า “ถูกหรือแพง” จะขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ “คุ้มค่าหรือไม่” เป็นหลัก แต่สำหรับระดับราคาของ iPad Pro รุ่นใหม่นี้ ขยับฐานขึ้นจากเดิม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นกับ iPhone ปีนี้ คือ สินค้ารุ่นใหม่ จะวางตั้งไว้ ณ ราคาที่สูงกว่าเดิม ขณะที่ของเดิมไม่ลดราคาหรือ ลดราคาแค่เล็กน้อย

เทียบที่รุ่นราคาต่ำสุด ตัวเครื่อง iPad Pro 11″ รุ่นใหม่ 64GB Wi-Fi ราคา 28900 บาท ขณะที่ iPad Pro 10.5″ รุ่นปี 2017 ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 23900 บาท (ต่ำกว่า 5000)

 

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า Apple ปรับราคา iPad Pro 10.5″ ลดลงเฉพาะรุ่นความจุ 64GB (ปีที่แล้วขาย 24500 ปีนี้ขาย 23900 บาท) แต่รุ่นความจุ 256GB และ 512GB ราคาปรับเพิ่มอีก 1000-1200 บาท (รุ่น 256GB ปีที่แล้วขาย 27900 ปีนี้ขาย 28900 บาท ส่วนรุ่น 512GB ปีที่แล้วขาย 34700 ปีนี้ขาย 35900 บาท)

ทำให้หลายคนที่ยั้งมือรอคอย iPad Pro ลดราคา ต้องผิดหวัง เพราะรุ่นความจุสูง กลับราคาเพิ่มด้วยซ้ำ

และการที่ราคา iPad Pro 10.5″ ปรับเพิ่มในบางรุ่น ทำให้ราคา iPad Pro ใหม่จึงคำนวณจากฐานที่สูงเพิ่มขึ้นไปด้วย เรียกว่า เป็นการปรับฐานราคาครั้งใหญ่ของ Apple กันเลยทีเดียว

ดังนั้น หากคุณต้องการจะใช้ iPad Pro รุ่นใหม่ เงินขั้นต่ำที่ต้องจ่าย ก็คือ iPad Pro 11″ Wi-Fi 64GB ราคา 28900 บาท หรือถ้าจะขยับไปรุ่นจอใหญ่ 12.9″ ให้สะใจ ก็ราคาเริ่มต้นที่ 35900 บาท ในรุ่น Wi-Fi 64GB เช่นกัน

แต่นั่นแปลว่า แม้ราคาจะอยู่แถว ๆ 30000 แต่คุณจะไม่สามารถใส่ซิมได้ (ถ้าเทียบกับ 10.5″ ที่ราคาระดับนี้ควรใส่ซิมได้แล้ว) ถ้าคุณต้องการใส่ซิมด้วย คุณต้องจ่ายเพิ่มอีก 5000 บาท ไปเลือกรุ่น Cellular+Wi-Fi

สรุปส่วนต่างราคาให้เข้าใจง่ายขึ้น

2. อุปกรณ์เสริม – เสริมราคา

ไม่ใช่แค่ตัวราคาเครื่องที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาของสิ่งที่คุณต้องซื้อมาประกอบให้ครบสมบูรณ์ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย

อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องใช้ทั้งสามสิ่งนี้ แต่อย่างน้อย Apple Pencil ก็อาจจะเป็นความต้องการใช้งานหลัก ๆ เมื่อรวมกับเคส ที่ก็ควรต้องมี (แต่อาจจะไม่จำเป็นต้องยี่ห้อ Apple) เท่ากับต้องจ่ายเพิ่มสำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่อีก ไม่ต่ำกว่า 7000-10000 บาท สำหรับอุปกรณ์เสริม

 

 

ถ้าเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับคุณเท่าใดนัก เรามาดูเหตุผลที่ไม่ควรซื้อข้อต่อไปกัน…

3. การเชื่อมต่อที่เปลี่ยนไป – บัยยย Lightning & 3.5mm Jack

คุณไม่คู่ควรกับการจะต้องมาตกใจภายหลัง ว่าเมื่อหิ้ว iPad Pro ใหม่กลับมาถึงบ้าน แล้วสายชาร์จ Lightning ที่บ้านใช้งานไม่ได้ เพราะ iPad Pro รุ่นใหม่ ใช้ช่องเสียบที่เปลี่ยนไป คือมาใช้ USB-C ซึ่งก็มีข้อดีที่เชื่อมต่อได้กว้างขวางขึ้น เพราะอุปกรณ์ใหม่ ๆ ในโลกนี้ก็เป็น USB-C กันบ้างแล้ว และยังมีความเร็วในการเชื่อมต่อส่งภาพ 4K ออกไปยังจอมอนิเตอร์ภายนอก ทำงานได้อิสระกว้างขวางขึ้น

ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่า USB-C นี่มีความหมายกับคุณยังไง iPad Pro นี้น่าจะเหมาะกับคุณ และคุณอาจจะรอมันมานาน แต่สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะมีความหมายอะไร อาจจะไม่จำเป็นต้องให้แต้มอะไรตรงนี้มากนัก นอกจากเพียงรับรู้ว่า สายชาร์จที่เคยมีมาจากการใช้ iPad iPhone รุ่นก่อน ๆ นั้น ใช้ต่อตรงนี้ไม่ได้

ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm ก็หายไปด้วยนะ เพราะ Apple เน้นให้เราย้ายไปใช้ AirPods หรือพวกหูฟังไร้สายมากกว่า แต่แน่นอนว่าย่อมมีข้อจำกัดบางประการแน่ ๆ

แต่ถ้าใครต้องการใช้ต่อ ก็สามารถซื้อสายต่อหูฟัง ที่เสียบตรงจากช่อง USB-C มาใช้ก็ได้ เพียงแต่คุณจะไม่สามารถเสียบหูฟังไปพร้อมกับการเสียบชาร์จได้ (เพราะมันคือช่องเสียบเดียวกัน)

 

4. มันคือ iPad สายพันธุ์ใหม่รุ่นแรก

ดูจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างแล้ว ผมไม่อยากจะนับว่านี่คือ iPad สปีชีส์เดียวกับ iPad ที่แล้ว ๆ มา เพราะหลาย ๆ สิ่งในตัวมันเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งเรื่องจอ การใช้ ดีไซน์ รูปร่าง การเชื่อมต่อ ฯลฯ

อ้าว! แต่เป็นรุ่นแรกแล้วไม่ดียังไง ?

สำหรับคนที่รู้จัก Apple มานาน อะไรที่เป็น “รุ่นแรก” นั้นมักจะมีลักษณะเฉพาะตัว เช่น ยังไม่เก่งเท่าที่ควร ยังมีจุดบกพร่องอยู่บางประการ ยังยั้งมือในการใส่ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ซึ่งในวันที่อุปกรณ์เหล่านี้วางขาย เราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นแบบนั้น จนกระทั่งมีรุ่นที่สองออกมา

อย่างที่เห็น ๆ กัน คือ Apple Pencil รุ่นแรกกับรุ่น 2 ที่ต่างกันชัดเจน iPad 1 กับ iPad 2 รูปร่างก็บางลงชัด หรือ iPhone รุ่นแรก กับรุ่นสอง ก็เช่นกัน หรือแม้แต่ Apple Watch รุ่นแรก กับรุ่นที่ออกในปีถัดมา ก็มีฟีเจอร์ที่ต่างกันอย่างก้าวกระโดด

 

ผลประโยชน์สำคัญที่คนซื้อสินค้า “รุ่นแรก” ของ Apple คือการได้เข้าถึงเทคโนโลยีล้ำ ๆ ก่อนคนอื่น ซึ่งอาจทำให้คุณได้รับประโยชน์มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป และอาจแถมมาด้วยจุดด้อยบางอย่างที่ Apple อาจจะยังหาไม่พบ (หรืออาจจะแก้ไม่ทัน)

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ผลิตภัณฑ์ในรุ่น 2 ของ Apple มักจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด แล้วจากนั้นก็จะขยับดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เหมือนกับเริ่มเข้าที่เข้าทาง

หาก iPad Pro รุ่นใหม่นี้ ยังเดินทางสายเดิม ก็ย่อมคาดการณ์ได้ว่า ในปีหน้า iPad Pro รุ่น 2019 อาจจะมีโครงบอดี้ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม หน้าจอแบบ OLED ที่หลายคนรอคอย กล้องคู่แบบเดียวกับ iPhone Xs และแน่นอนว่าซีพียูประสิทธิภาพการทำงานก็จะดีขึ้นไปอีก

ไม่แน่ใจว่า ในอีก 1 ปีข้างหน้า คุณจะยอมรับได้ไหม ถ้าคุณตัดสินใจซื้อรุ่นนี้ไปก่อนแล้ว

แต่คนที่ซื้อ iPad Pro ปีนี้แล้วได้ใช้งานจริงจัง ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะใน 1 ปี หรือ 12 เดือนที่กำลังจะผ่านเข้ามานี้ ก็นานและมากพอที่จะทำให้คุณได้งานที่ก้าวกระโดด ได้ทักษะที่ไม่เคยมีมาก่อน และเพียงพอต่อความคุ้มมูลค่าก็เป็นไปได้

ส่วนคนที่รู้สึกว่าเงินก้อนนี้ราคาสูง และไม่แน่ใจว่าจะใช้คุ้มไหม อยากให้อดทนรอคอย หรือถ้าต้องใช้งาน ก็หา iPad รุ่นธรรมดาที่ราคาต่ำกว่านี้ ฝึกปรือฝีมือไปก่อน

5. ไม่ … ยังแทนคอมพิวเตอร์ไม่ได้

แม้ประสิทธิภาพจะแรงกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จริงตามข้อความโฆษณา หรือว่าจะเชื่อมต่อกับแป้นพิมพ์ไร้สาย ตั้งใช้งานได้เหมือนโน้ตบุ๊กเป๊ะ ๆ แต่บอกเลยว่า iPad Pro รุ่นใหม่ ก็ยัง “แทนที่” คอมพิวเตอร์ไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน

แบ่งเป็นข้อจำกัดบางด้านที่รอการแก้ไข ได้แก่

ส่วนดีที่ทำให้พอสบายใจได้คือ ปัญหาทั้ง 4 ข้อด้านบน แก้ได้เพียงแค่ Apple ดีดนิ้วเท่านั้น หมายความว่า ใน iOS 14 15 16 ปัญหาเหล่านี้อาจจะหมดไปแล้วก็เป็นได้ และ iPad Pro ที่คุณซื้อในปีนี้ก็จะมีโอกาสเติบใหญ่ไปเป็นคอมพิวเตอร์ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเช่นกัน


ว่าด้วยเรื่อง iPad แทน คอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่สามารถ “แทนที่” แต่ก็ต้องบอกว่า ความเก่งของ iPad ที่พัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ นั้น สามารถ “เป็น” อุปกรณ์ทดแทนคอมพิวเตอร์ของหลายต่อหลายคนได้มากขึ้น เช่น

การแทนที่คอมพิวเตอร์ของ iPad นั้น คงจะไม่ใช่การมาแทนได้ทันทีแบบล้างเผ่าพันธุ์ หากแต่เป็นการคืบคลานเข้ามาตอบสนองความต้องการของคนไปเรื่อย ๆ ทีละกลุ่ม ทีละความต้องการ


สรุป ตกลงว่า ควร หรือ ไม่ควรซื้อ iPad Pro รุ่นใหม่กันแน่ ?

ก็แล้วแต่สิครับ… แล้วแต่เงินในกระเป๋า แล้วแต่ความจำเป็น ความต้องการ หรือแม้แต่ความอยากของคุณ

บทความนี้ตั้งใจพยายามให้ข้อมูล แง่มุม ที่ทำให้คุณเข้าใจภาพรวม เพื่อให้เกิดการชั่งน้ำหนักในใจ อย่างน้อย ไม่ว่าคุณตัดสินใจซื้อ หรือไม่ซื้อ คุณก็จะมีเหตุผลสนับสนุนที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นบ้าง

ในโลกเทคโนโลยี สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่อุปกรณ์ แต่เป็นผู้ใช้ ที่จะรู้จักเลือกซื้อ เลือกใช้ อย่างรู้เท่าทัน และมีเหตุมีผลมากพอเพียงหรือไม่

และถ้าเป็นไปได้ อย่าซื้อเทคโนโลยีมาเพื่อ “ใช้” เท่านั้น แต่ลองมองหาวิธีนำเทคโนโลยีนั้นมา “สร้างสรรค์” สิ่งใหม่ ๆ ในอนาคตให้แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมด้วย จะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด

Exit mobile version